หน้าเว็บ

กล้องดิจิตอล

Thursday, May 26, 2011

Canon PowerShot SX30 IS ซูมจัดสำหรับภาพนิ่งและวิดีโอ



ก่อนหน้านี้กล้อง Finepix HS10 และ SP-800Uz ถือเป็นกล้องคอมแพคที่ใช้เลนส์ซูมได้มากที่สุด (30x) แต่ในเวลานี้การโต้ตอบของแคนอนด้วยกล้อง SX30 IS ก็ได้กลายเป็นสถิติใหม่ของกล้องคอมแพคด้วยเลนส์ซูมออพติคอลที่มากถึง 35x แน่นอนว่า
กล้อง SX30 IS อาศัยประโยชน์จากเลนส์ออพติคอลซูม 35 เท่าที่ดีที่สุดของพวกเขาและฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ใส่ลงในกล้อง ทำให้กล้องตัวนี้จัดอยู่ในกลุ่มชั้นนำของกล้องในปัจจุบัน
ด้วยเลนส์ของกล้องจะช่วยให้นักถ่ายภาพสร้างสรรค์ภาพถ่ายได้สะดวกมากขึ้นและถ่ายภาพในระยะไกลได้ดีเป็นพิเศษ

น่าสนใจในหลายๆ ส่วน
นอกจากเลนส์ระยะ 24 – 840 มม.ที่น่าประทับใจแล้ว การใช้งานในช่วงการถ่ายภาพยังทำได้ดีและให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ ซึ่งต้องขอบคุณระบบป้องกันภาพสั่นที่ช่วยไม่ให้เกินการเบลอของภาพเมื่อจับถือด้วยมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถ่ายภาพที่ใช้ช่วงโฟกัสยาวๆ ซึ่งระบบดังกล่าวนี้สามารถช่วยให้ใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำกว่าความเร็วที่เหมาะสมต่อระยะโฟกัสได้ถึง 4 ½ สตอป นอกจากนี้ยังนำไปใช้ในการบันทึกวิดีโอได้ดี โดยเฉพาะในการซูมภาพขณะถ่ายวิดีโอ เนื่องจากมอเตอร์ Ultrasonic ขับเคลื่อนเลนส์นั้นสามารถทำการซูมแบบช้าๆ ได้อย่างราบรื่นและเงียบมาก แถมยังสามารถเลือกระดับการบันทึกเสียงของไมโครโฟนภายในแบบสเตอริโอได้ด้วยตัวผู้ใช้เอง

การตรวจสอบจากกล้องในช่วงการบันทึกวิดีโอและภาพถ่ายนั้นถือว่าค่อนข้างยาก เพราะจอแสดงผลมีขนาดเพียง 2.7 นิ้วและมีความละเอียดเพียง 230,000 พิกเซล แม้ว่าจะใช้บันทึกได้ง่าย เพราะสามารถหมุนและพับเก็บได้ก็ตาม นอกจากนั้นช่องมองภาพแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ละเอียดเพียง 202,000 พิกเซล ก็ไม่สามารถตอบสนองการตัดสินใจเลือกโฟกัสซับเจ็กได้แค่ระดับพอใช้เมื่อเทียบกับแบบออพติคอล อย่างไรก็ดี การที่กล้องมีฮอทชูก็นับเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการบันทึกวิดีโอ เพราะนอกจากจะติดตั้งแฟลชภายนอกได้แล้ว ยังใช้เสียบไฟถ่ายวิดีโอได้ด้วย






คุณภาพภาพจากห้องทดสอบ
เซนเซอร์ CCD ความละเอียด 14 ล้านพิกเซลที่อัดแน่นอยู่ในพื้นที่ 1/2.3 นิ้ว ส่งผลให้ภาพมีความคมชัดเพียงแค่ระดับปานกลาง เช่นเดียวกันกับความละเอียดเส้นที่เราวัดได้นั้นค่อนข้างต่ำเพียง 1,087 เส้นที่ค่าความไวแสงต่ำที่สุด นอกจากนั้นปริมาณจุดรบกวนบนภาพก็อยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างสูงเอาเรื่องทีเดียว ถึงกระนั้นค่าความไวแสง ISO 80 – 400 สีสันภาพก็ยังคงมีความเป็นธรรมชาติ และเมื่อใช้งานไวต์บาลานซ์แบบแมนนวลก็จะยิ่งให้ภาพมีสีสันถูกต้องในระดับที่ดีมากเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม กล้องก็ยังมีข้อจำกัดในเรื่องการถ่ายภาพต่อเนื่องที่ทำได้เร็วเพียง 1.4 ภาพต่อวินาที และใช้เวลาประมวลผลภาพนาน 3.1 วินาทีกว่าจะเริ่มถ่ายภาพชุดที่ 2 ได้

สำหรับจอแสดงผลขนาด 2.7 นิ้วที่อยู่ด้านหลังนอกจากจะสามารถปรับหมุนออกมาด้านข้างได้แล้ว ยังแสดงผลได้ดีแม้จะอยู่ในสภาพแสงน้อย เพียงแต่มีความละเอียดน้อยไปนิดที่ 230,000 พิกเซล ขณะที่ช่องมองภาพแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความละเอียดถึง 202,000 พิกเซลก็ช่วยให้ตัดสินใจในการเลือกโฟกัสซับเจ็กได้ไม่เลวเช่นกัน





ตัวอย่างภาพถ่าย: จะให้ได้ว่าภาพถ่ายที่ค่า ISO 80 นั้นมีจุดรบกวนต่ำ สีสันเป็นธรรมชาติและดูมีมิติมากกว่าภาพถ่ายที่ใช้ค่าความแสงสูงๆ อย่างชัดเจน

ใช้งานได้พอเพียงและคล่องตัว
โหมดถ่ายภาพ 28 แบบถือว่าเพียงพอแล้วที่จะช่วยให้ผู้ใช้เลือกรูปแบบการถ่ายภาพได้อย่างครอบคลุม อีกทั้งยังรองรับการปรับตั้งค่าถ่ายภาพในแบบแมนนวลได้ ซึ่งในส่วนนี้จะมีการตั้งค่าหลายส่วนในใช้งานได้อย่างอิสระและยังง่ายต่อการปรับแต่งอีกด้วย แน่นอนว่า ต้องขอบคุณการออกแบบเมนูที่ทำความเข้าใจได้ง่าย แต่ถ้าคุณต้องการควบคุมการทำงานให้ได้คล่องตัวก็คงต้องความเข้าใจกับสวิทซ์และปุ่มสั่งงานทั้งหมด 12 ตำแหน่งบนตัวกล้องให้ได้ทั้งหมด ส่วนคุณภาพของบอดี้ยังถือว่าไม่ดีเท่าใดนัก แม้ว่าปุ่มสั่งงานจะเรียกใช้ได้ง่าย จัดวางตำแหน่งได้เหมาะสม และมีกริปจับขนาดใหญ่ แต่คุณภาพโดยรวมของวัสดุและปุ่มควบคุมนั้นยังไม่น่าประทับใจ
บทสรุปและความคิดเห็นของ CHIP
วิศวกรของแคนนอนดูจะให้ความสำคัญกับเลนส์ของกล้อง SX30 อย่างมาก เห็นได้จากมันสามารถซูมแบบออพติคอลได้ถึง 35x และยังผสานการช่วยเหลือของระบบป้องกันภาพสั่นเข้าไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังนำข้อได้เปรียบของเลนส์ไปใช้งานร่วมกับการบันทึกวิดีโอได้น่าประทับใจ แต่ในทางกลับกันคุณภาพภาพของกล้องกลับยังทำได้ไม่ดีพอที่จะเป็นคู่หูของช่างภาพที่ต้องการคุณภาพภาพในระดับสูง ถึงกระนั้นสำหรับนักถ่ายภาพสมัครเล่นแล้วมันก็เป็นกล้องที่จะทำให้พวกเขามีความสุข และสนุกไปกับการถ่ายภาพได้อย่างแน่นอน

Canon PowerShot G12 เกิดมาเพื่อชิงความเป็นหนึ่ง

เป็นระยะเวลาหลายเดือนที่กล้อง Canon PowerShot G11 ยึดตำแหน่งกล้องดิจิตอลที่ดีที่สุดของ CHIP ก่อนที่จะต้องเสียตำแหน่งให้กับกล้อง P7000 ของนิคอนที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งเราสันนิษฐานว่ากล้อง PowerShot G12 ก็เป็นคู่แข่งคนใหม่ที่ถูกส่งออกมาเพื่อต่อสู้กับกล้องของนิคอน โดยคุณสมบัติพื้นฐานก็ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่ากล้อง Power Shot G11 เห็นได้จากคุณภาพภาพที่ดีขึ้นและเก็บรายละเอียดภาพได้ดีกว่าเดิม



ให้ภาพดีขึ้นด้วยปริมาณจุดรบกวนที่ต่ำลง
ถ้าจะพูดให้ตรงประเด็น กล้อง G12 ยังคงใช้คอนเซ็ปต์เดียวกับกล้องรุ่นก่อน ไม่ว่าจะเป็นความละเอียดจอแสดงผล ระยะโฟกัสของเลนส์ ค่ารูรับแสงที่เลนส์สนับสนุน รวมถึงความเร็วชัตเตอร์ต่ำสุดหรือสูงสุด ถึงกระนั้นก็ยังเต็มไปด้วยฟีเจอร์ในการถ่ายภาพระดับไฮเดนด์เพื่อให้มัน สามารถเป็นกล้องตัวเลือกที่ 2 รองจากกล้อง DSLR ของช่างภาพ รวมถึงผู้ที่รักการถ่ายภาพที่ต้องการกล้องขนาดเล็ก แต่มีความสามารถรอบตัว พร้อมให้คุณภาพภาพในระดับที่เอาไปโชว์ได้โดยไม่ต้องเขินอาย
ภายในกล้อง G12 ยังคงใช้เซนเซอร์ CCD ขนาด 1/1.7 นิ้ว ที่ให้ภาพขนาด 10 ล้านพิกเซล และประมวลผลการทำงานด้วยชิป DIGIC 4 โดยแคนนอนตั้งใจจะช่วยเสริมให้ภาพถ่ายมีคุณภาพสูงขึ้น ทำงานได้เร็วกว่าเดิม พร้อมด้วยจัดการกับการเกิดจุดระบบกวนบนภาพหรือสีสันภาพที่ผิดพลาดให้มี ปริมาณน้อยลง ซึ่งจากการทดสอบในห้องแลป พบว่า ตั้งแต่ค่าความไวแสง ISO 400 จนถึง ISO 1600 กล้อง G12 มีปริมาณจุดรบกวนบนภาพหรือ Noise ในระดับที่ต่ำมาก แต่ก็ปริมาณการสูญเสียรายละเอียดบนภาพอันเกิดจากการจุดรบกวนก็ยังคงสูง เหมือนเดิม และจะมากกว่าเล็กน้อยเมื่อใช้งานค่าความไวแสง ISO 1600




เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับกล้อง G11 ขณะเดียวกันภาพถ่ายก็จะมีความคมชัดและสีสันภาพที่ถูกต้องมากกว่า นอกจากนั้นในเรื่องของความเร็ว กล้อง G12 กลับใช้เวลาโฟกัสภาพอัตโนมัตินานกว่ากล้อง G11 โดยจะจับภาพจนนิ่งภายในเวลา 0.51 วินาที และใช้ระยะเวลาในการถ่ายภาพครั้งที่ 2 ก็จะนาน 2.1 วินาที ขณะที่กล้อง G11 จะใช้เวลาโฟกัสภาพ 0.46 วินาที และใช้ระยะเวลาการถ่ายภาพครั้งที่ 2 เพียง 1.2 วินาทีเท่านั้น อย่างไรก็ตาม กล้อง G12 ก็พัฒนาในเรื่องการถ่ายภาพต่อเนื่องขึ้นมาอีกระดับ จากเดิมที่กล้อง G11 จะถ่ายภาพต่อเนื่องด้วยความเร็ว 1.1 ภาพต่อวินาทีก็เพิ่มมาเป็น 2.0 ภาพต่อวินาทีแทน ส่วนเรื่องการทำงานด้วยแบตเตอรี่แม้จะไม่ได้ดีขึ้นกว่าเดิม แต่ก็สามารถถ่ายภาพแบบเปิดแฟลชไปได้ 210 ภาพ และถ้าหากปิดแฟลชถ่ายภาพก็ทำ การบันทึกภาพไปได้ถึง 1,970 ภาพ

โครงสร้างใหม่ พร้อมฟังก์ชัน HDR และ HD Video
โครงสร้างภายนอกของกล้อง G12 เกือบจะเหมือนกับกล้องรุ่นที่ผ่านมา แต่มีรายละเอียดบางส่วนแคนนอนที่ปรับปรุงให้ตอบสนองการควบคุมได้ดีขึ้น อย่างเช่น เพิ่มปุ่มวงแหวนด้านหน้ากล้องบริเวณมุมขวาสำหรับควบคุมค่ารูรับแสงและความ เร็วชัตเตอร์ ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วช่วยให้ปรับค่าการถ่ายภาพเหล่านั้นได้ง่ายขึ้นอย่างมาก ต่อมาก็จะเป็นการปรับปุ่มวงแหวนเรียกใช้งานค่าความไวแสงที่เรียกค่า ISO ออกมาได้ละเอียดขึ้น จากเดิมที่ปรับได้ ISO 80, 100, 200, 400 ก็จะเป็น ISO 80, 100, 125, 160, 200, 250, 320, 400 เป็นต้น ซึ่งจะไม่ได้ระบุเป็นตัวเลขบนวงแหวน แต่จะเป็นช่องว่างๆ และใช้จุดแทน ส่วนอื่นๆ ก็ยังเดิมอย่างจอแสดงผลขนาด 2.8 นิ้ว ความละเอียด 461,000 พิกเซลที่สามารถปรับหมุนจอภาพถ่ายภาพได้ ใช้เลนส์ระยะโฟกัส 28 – 140 มิลลิเมตร พร้อมค่ารูรับแสง F2.8- 4.5 ซูมแบบออปติคอลได้ 5 เท่า







นอกจากโหมดถ่ายภาพแล้ว กล้อง G12 บันทึกวิดีโอได้ละเอียดขึ้นในระดับ HD (1,280x720 พิกเซล) แน่นอนว่า ในด้านคุณภาพภาพและเสียงก็ถือว่า น่าพอใจมากทีเดียว แต่น่าเสียดายที่การบันทึกวิดีโอของกล้องไม่สามารถจับโฟกัสต่อเนื่องได้ และบันทึกต่อเนื่องได้นานเพียง 30 นาที จากเดิมที่เคยทำได้ 60 นาที ทำให้ดูเหมือนว่าทางแคนนอนไม่ได้เน้นให้ฟังก์ชันนี้เป็นจุดขายของกล้องเลย

บทสรุปและความคิดเห็นของ CHIP
ถือว่าทำได้ไม่เลวเลยสำหรับกล้อง PowerShot G12 แม้ว่าจะมีหลายๆ อย่างที่ทำได้น่าผิดหวังอย่างการบันทึกวิดีโอที่ไม่สามารถจับโฟกัสวัตถุต่อ เนื่องได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่า มันถูกออกแบบมาให้เหมาะสำหรับการถ่ายภาพมากกว่า เห็นได้จากระบบการควบคุมที่เอื้ออำนวยให้ทั้งการถ่ายภาพง่ายๆ แบบเล็งแล้วถ่าย หรือจะถ่ายภาพแบบแมนนวลก็สามารถปรับค่าการถ่ายภาพได้ง่ายและละเอียดกว่า กล้อง G11 อีกทั้งคุณภาพภาพก็อยู่ในระดับที่น่าประทับใจจริงๆ ส่วนคนที่มีกล้อง G11 อยู่แล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องเปลี่ยนมาเป็นกล้องตัวนี้ หากใครที่กำลังมองหากล้องคอมแพคเก่งๆ ขนาดเหมาะมือ และให้ภาพถ่ายภาพสวยๆ กล้อง PowerShot G12 ก็นับเป็นตัวเลือกที่ควรจะนำไปพิจารณาเป็นอันดับแรกๆ

Nikon Coolpix P7000กล้องคอมแพคเบอร์หนึ่ง !!!




กล้องคอมแพคเบอร์หนึ่ง นิคอนได้รับการยอมรับมาช้านานว่าเป็นหนึ่งในผู้นำเทคโนโลยีกล้อง DSLR แต่สำหรับกล้องคอมแพคขนาดเล็กแล้วกลับตามหลังคู่แข่งมานานหลายปี จนกระทั่งในปีนี้พวกเขาได้ผลิตกล้องคอมแพคระดับสูงที่ยอดเยี่ยมจนน่าตกใจออกมาหลายรุ่น โดยล่าสุดก็คือ กล้อง Coolpix P7000 ที่ยึดตำแหน่งกล้องคอมแพคที่ดีที่สุดของเราในเวลานี้

ทางนิคอนออกแบบให้กล้อง Coolpix P7000 ใช้เซนเซอร์ CCD ขนาด 1/1.7 นิ้ว และให้ความละเอียดภาพเพียง 10 ล้านพิกเซลเช่นเดียวกับกล้อง PowerShot G12 และเป็นจุดสำคัญที่ส่งผลให้ภาพถ่ายมีคุณภาพในระดับที่ดีมาก โดยมีปริมาณจุดรบกวนต่ำอย่างยอดเยี่ยมที่ค่า ISO 100 ขณะที่ค่า ISO 1600 ก็ยังถือว่ามีปริมาณจุดรบกวนอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจและมีอัตราการสูญเสียพื้นที่เพียงร้อยละ 10 ซึ่งส่งผลให้ภาพยังมีรายละเอียดรวมถึงความคมชัดที่ดี ดังนั้นกล้อง Coolpix P7000 จึงสามารถรับมือกับสภาพแสงน้อยได้ดีอย่างที่ผู้ผลิตได้ประกาศเอาไว้ในช่วงเปิดตัว

เลนส์ระยะโฟกัส 28-200 มิลลิเมตรช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานได้ดีทั้งการถ่ายภาพทั่วไปจนถึงระยะไกล แม้ว่าระยะโฟกัสกว้างสุดจะมีความบิดเบือนเกิดขึ้นร้อยละ 2.1 ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับกล้อง PowerShot G12 แต่กล้องก็ทำการโฟกัสได้เร็วกว่า โดยในสภาพแสงปกติจะทำการจับภาพจนนิ่งหลังจากการปุ่มชัตเตอร์ประมาณ 0.37 วินาที ขณะที่ในสภาพแสงน้อยจะโฟกัสช้าลงระดับหนึ่งด้วยระยะเวลา 0.45 วินาที น่าเสียดายที่กล้องกลับถ่ายภาพต่อเนื่องได้เร็วเพียง 1.4 ภาพต่อวินาทีเท่านั้น และแบตเตอรี่หนึ่งชุดก็สามารถถ่ายภาพไปได้มากที่สุด 690 ภาพ แต่เมื่อเปิดใช้งานแฟลชด้วยแล้วจะถ่ายไปได้ประมาณ 200 ภาพเท่านั้น

ฟังก์ชันการถ่ายวิดีโอถูกออกแบบมาดีจนน่าชมเชยและขยับตัวเองขึ้นไปอยู่ในระดับแนวหน้าของกลุ่มกล้องคอมแพค โดยกล้องจะให้ภาพวิดีโอความละเอียด 1,280x720 พิกเซลที่บันทึกต่อเนื่องได้นานประมาณ 30 นาที และในการบันทึกสามารถซูมภาพพร้อมกับโฟกัสวัตถุต่อเนื่องอัตโนมัติได้ด้วย และถ้าต้องการเก็บรายละเอียดเสียงให้ดีขึ้นก็สามารถต่อไมโครโฟนภายนอกเพิ่มเติมได้อีก นอกจากนี้การนำเอาภาพและวิดีโอไปแสดงบนแอลซีดีทีวีก็ให้เอาต์พุตได้สูงถึงระดับ 1080i ผ่านช่องต่อ AV Out

บทสรุป เรียกได้ว่าแข็งแกร่งเกือบทุกด้านสมกับเป็นกล้องคอมแพคเบอร์หนึ่ง โดยเฉพาะคุณภาพภาพและการสนับสนุนการใช้งาน น่าเสียดายการถ่ายภาพด้วยแบตเตอรี่ทำได้ไม่มากนัก

ทางเลือกอื่น กล้อง Canon PowerShot G12 จะให้ภาพถ่ายที่มีคุณภาพใกล้เคียงกัน และช่วยได้ถ่ายภาพในมุมแปลกๆ ได้ง่ายขึ้นด้วยจอภาพแบบหมุนได้ แต่กล้องจะโฟกัสภาพได้ช้ากว่า (0.51 วินาที)

Canon EOS 60Dล้ำหน้าด้วยคุณภาพรูปภาพในบอดี้แบบใหม่



เราอยากให้นำไปพิจารณาอย่างยิ่งสำหรับคนที่กำลังหากล้อง DSLR ตัวใหม่ ด้วยราคาตัวกล้องประมาณ 29,000 บาทนี้ยังถือเป็นการลงทุนที่ไม่สูงมากนักสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพเป็นงานอดิเรก ซึ่งคุณภาพภาพที่ถูกถ่ายทอดออกมาก็ถือว่าดีที่สุดในกลุ่มกล้อง DSLR ราคาไม่เกิน 40,000 บาท ณ เวลานี้ ณ เวลานี้ แม้ว่าเซนเซอร์ที่ใช้นั้นจะเป็นตัวเดียวกับกล้อง EOS 7D แต่วิศวกรของแคนนอนเองก็พัฒนาระบบประมวลผลภาพให้ออกมาได้เหนือกว่ากล้องรุ่นพี่



โดยนอกจากสีสันภาพที่สดใสและคมชัดอย่างมากแล้ว ภาพภ่ายโดยส่วนใหญ่ก็ยังมีปริมาณจุดรบกวนน้อยมากอีกด้วย อย่างเช่น ที่ค่า ISO 100 จะมีค่าจุดรบกวนเพียง 0.7 ขณะที่ค่าความไวแสง ISO 1600 ก็จะมีค่าจุดรบกวน 1.6 ถือว่าน้อยที่สุดแล้วเมื่อเทียบกับภาพจากกล้อง DSLR ของผู้ผลิตรายอื่นๆ ส่วนความคมชัดของภาพที่ประมวลผ่านการวัดทดสอบด้วยความละเอียดเส้นก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าก้าวล้ำกว่าคู่แข่ง โดยมีความละเอียดเส้นที่ดีที่สุด 1,499 เส้นที่ความไวแสง ISO 100 เนื่องจากกล้องของผู้ผลิตรายอื่นๆ ส่วนใหญ่จะให้ภาพที่มีค่าต่ำกว่า 200 – 300 เส้น ด้วยเหตุนี้ การนำภาพถ่ายไปอัดโปสเตอร์ขนาดใหญ่ด้วยคุณภาพสูงจึงทำได้อย่างไม่มีปัญหา ถึงกระนั้นทีมทดสอบก็พบข้อบกพร่องเล็กน้อยในเรื่องความถูกต้องของสีสันภาพในกรณีของระบบสมดุลแสงขาวอัตโนมัติภาพที่ออกมาจะมีโทนสีอมเหลืองเล็กน้อย



ในด้านโครงสร้างก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงจากกล้อง EOS 50D อย่างมากและถือเป็นนวัตกรรมใหม่จากผู้ผลิตรายนี้ เนื่องจากจอแสดงผลสัดส่วน 3:2 สามารถปรับหมุนออกมาได้อิสระเหมือนกับกล้องคอมแพคชั้นสูง ดังนั้นจึงช่วยให้การถ่ายภาพในมุมสูงหรือต่ำกว่าระดับสายตาได้ง่ายขึ้น และความละเอียด 104,000 พิกเซลที่อัดแน่นในจอภาพ 3 นิ้วก็ทำให้แสดงผลภาพได้อย่างคมชัด แน่นอนว่าจอแสดงผลลักษณะนี้ก็เอื้ออำนวยต่อการบันทึกวิดีโอด้วย


ซึ่งกล้อง EOS 60D นั้นมาพร้อมกับฟังก์ชันวิดีโอที่น่าประทับใจ โดยมีทั้งช่องต่อไมโครโฟน เชื่อมต่อทีวีผ่านพอร์ต HDMI แต่ที่พิเศษมากก็คือ สามารถบันทึกวิดีโอได้สูงสุดถึงระดับ Full HD ด้วยความเร็ว 30 ภาพต่อวินาที พร้อมคุณภาพภาพวิดีโอที่ดีมาก นอกจากนี้ยังเลือกปรับขนาดวิดีโอได้หลากหลายอย่างเช่น ที่ความละเอียด 720p จะเพิ่มความเร็วภาพได้ 60 ภาพต่อวินาที แม้ว่าบอดี้ของกล้อง EOS 60D จะมีน้ำหนัก 755 กรัม เบากว่ากล้อง EOS 50D เล็กน้อย แต่ก็ช่วยลดภาระเรื่องน้ำหนักของผู้ใช้ได้น่าพอใจ ซึ่งเบื้องหลังเกิดจากการเปลี่ยนแปลงวัสดุที่นำมาผลิต โดยวัสดุภายนอกจากผลิตจากโพลีคาร์บอเนตผสมไฟเบอร์กลาส และใช้โครงสร้างหลักที่หล่อจากอะลูมิเนียมผสม ถึงกระนั้นระบบการควบคุมก็เป็นอะไรที่น่าประหลาดใจมาก เนื่องจากปุ่มจ๊อกกิ้งบนตัวกล้องที่เคยมีมาหลายรุ่นถูกแทนที่ด้วยปุ่มเมนู แต่ยังคงมีปุ่มวงแหวนที่มีขนาดเล็กลงเอาไว้ นอกจากนั้นแถบปุ่ม Play, Delete, info, Picture Style ก็หายไปหมด และจัดวางปุ่มหลายๆ อย่างเข้าไปจนใกล้เคียงกับกล้อง EOS 550D
ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้ทำให้การควบคุมกล้องใช้งานได้ไม่สะดวกเท่าเดิม และใช้เวลาทำความเข้าใจมากขึ้นสำหรับผู้ที่เคยชินกับกล้อง EOS กึ่งโปรตระกูลนี้มาก่อน ถึงกระนั้น “Quick Control” ก็ช่วยให้การควบคุมกล้องง่ายขึ้น โดยจะแสดงฟังก์ชันการทำงานที่สำคัญเอาไว้บนหน้าจอในรูปแบบของจอแสดงผลรองในทางปฏิบัติ แม้ว่าจะการใช้จอแสดงผลที่ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานมากขึ้น กล้องก็ยังทำงานด้วยแบตเตอรี่ได้อย่างน่ามีประสิทธิภาพ โดยแบตเตอรี่ความจุ 1800mAH สามารถช่วยให้กล้องถ่ายภาพนิ่งไปได้สูงสุด 3,110 ภาพ และถ้าหากใช้งานกล้องอย่างสิ้นเปลืองพลังงานด้วยการเปิดแฟลชถ่ายภาพก็ยังบันทึกภาพได้ไปถึง 1,680 ภาพเลยทีเดียว




บทสรุป

เป็นกล้องกึ่งโปรที่มีคุณภาพสูงทั้งในเรื่องโครงสร้างและคุณภาพภาพ แถมด้วยการบันทึกวิดีโอที่ให้คุณภาพภาพได้อย่างโดดเด่นมาก

ทางเลือกอื่น

กล้อง Sony Alpha 33 ก็ให้คุณภาพภาพที่ดีมากและมีฟังก์ชันลูกเล่นมากมาย ที่สำคัญการบันทึกวิดีโอจะมีระบบโฟกัสอัตโนมัติ ซึ่งไม่มีในกล้อง EOS 60D

Canon EOS 600D ซีรีย์กลางที่เก่งไม่แพ้รุ่นกึ่งโปร



ข่าวดีสำหรับแฟน Canon ก็คือ การจะได้พบกับกล้อง EOS 600D ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์การใช้งานที่ยอดเยี่ยมในราคาไม่สูงจนเกินไป แน่นอนว่าด้วยกล้องตัวนี้ จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพความละเอียด 18 ล้านพิกเซล พร้อมกับบันทึกวิดีโอระดับ Full HD ได้ด้วยคุณภาพที่ดีมาก โดยไม่ต้องทำอะไรให้ยุ่งยากเลย

ณ เวลานี้เจ้า EOS 600D ได้กลายเป็นตัวท็อปของกล้อง DSLR รุ่นกลางของ Canon แทนที่ EOS 550D ซึ่งหันไปทำตลาดกล้องระดับ Entry-level ด้วยระดับราคาที่ลดลงตามกลไกตลาด ดังนั้นรุ่นเก่าอย่าง EOS 500D จึงตกรุ่นไปตามระเบียบ ส่วนในกล้องรุ่นเล็กราคาประหยัดก็มี EOS 1100D เป็นตัวชูโรงที่เข้ามาแทนที่กล้อง EOS 1000D

จอแสดงผลที่เปลี่ยนไป
ด้านหลังของตัวกล้องเราสามารถมองเห็นความแตกต่างได้ชัดๆ ระหว่างกล้อง EOS 600D กับ EOS 550D โดยจอแสดงผลจะไม่ได้ฝังอยู่กับตัวกล้องแล้ว แต่จะกลายเป็นจอแสดงผลแบบบานพับที่เปิดออกมาใช้งานได้ (เหมือนกับกล้อง EOS 60D) ซึ่งจอแสดงผลจะมีขนาด 3 นิ้วความละเอียด 1.04 ล้านพิกเซล ดังนั้นการแสดงผลภาพจึงมีความคมชัดสูงและการแสดงสีสันเองก็น่าประทับใจมาก จอแสดงผลแบบเปิดได้นี้มีไว้เพื่อรองรับการถ่ายวิดีโอและการถ่ายภาพนิ่งในโหมด Live View ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบภาพได้จากจอแสดงผลก่อนที่จะกดชัตเตอร์



แต่ข้อด้อยของโหมด Live View ของกล้อง EOS 600D ก็ยังมีอยู่เหมือนเดิม นั่นก็คือในตัวกล้องจะใช้เวลาในการจับโฟกัสภาพที่นานถึง 3 วินาที แม้ว่าจะเร็วขึ้นเล็กน้อยถ้าใช้งาน “Quick Mode” (1.3 วินาที) แต่ในขณะที่กล้องทำการวัดแสงและโฟกัสภาพ ภาพบนจอแสดงผลจะหายไปวูบนึง ซึ่งถ้าเทียบกับมือโปรด้าน Live View อย่าง Sony Alpha 55 ที่ใช้เวลาในกระบวนการดังกล่าวแค่ 0.37 วินาทีแล้ว กล้อง EOS 600D ถือว่ายังด้อยกว่าอยู่พอสมควร แต่ในโหมดการทำงานปกติผ่านช่องมองภาพ กล้อง EOS 600D สามารถทำงานได้รวดเร็วมาก กล้องจะพร้อมถ่ายได้ในแทบจะทันทีที่สลับการทำงานมาจากจอ LCD (0.3 วินาที) การถ่ายภาพต่อเนื่องทำความเร็วได้ที่ 3.9 ภาพต่อวินาที แม้จะไม่ได้เร็วที่สุดในบรรดากล้องราคาระดับเดียวกันแต่ก็เร็วกว่า EOS 550D อยู่เล็กน้อย แต่ถ้าคุณกำลังมองหากล้องเพื่อถ่ายภาพงานแข่งกีฬาที่มีความเร็วสูงๆ ละก็ เราคิดว่ากล้อง EOS 60D น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า



ถ่ายวีดิโอแบบ Full HD
การถ่ายวิดีโอแบบ Full HD แทบจะเรียกได้ว่าเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของกล้อง DSLR ในตอนนี้ไปแล้ว โดยกล้อง EOS 600D ก็ได้บรรจุฟีเจอร์แบบเดียวกันกับรุ่นพี่อย่างกล้อง EOS 60D เอาไว้ เราสามารถถ่ายวิดีโอได้ง่ายๆ โดยยกหน้าที่การเซ็ตค่าต่างๆ ให้ตัวกล้องจัดการเอง หรือถ้าเราต้องการจะปรับค่าต่างๆ ด้วยตัวเองก็ทำได้เช่นกัน ส่วนเรื่องการบันทึกเสียงวิดีโอ นอกจากกล้องจะมีไมโครโฟนที่บันทึกเสียงแบบโมโนแล้ว ยังมีช่องต่อไมโครโฟนภายนอกแบบสเตอริโอ ถึงกระนั้นกล้องก็ยังขาดฟีเจอร์ที่น่าจะมีอย่างเช่น การปรับความคมชัดอัตโนมัติระหว่างถ่ายวีดิโอ ซึ่งทาง Panasonic ใส่ไว้แล้วเรียบร้อยในกล้องรุ่น GH2

ที่มาของภาพถ่ายชั้นเยี่ยม
กล้อง EOS 600D ใช้เซนเซอร์รับภาพชนิด CMOS ความละเอียด 18 ล้านพิกเซล เหมือนที่อยู่ในกลุ่ม EOS 550D, 60D และ 7D ขณะเดียวกันก็ใช้ชิปประมวลผลภาพ DIGIC IV และระบบวัดแสงแบบใหม่ “iFCL” พร้อมระบบโฟกัส 9 จุด ซึ่งเรียกว่าเป็นมาตรฐานของกล้อง EOS รุ่นใหม่ นอกจากนี้กล้องยังรองรับการปรับค่าความไวแสงตั้งแต่ค่า ISO 100 – 6400 และปรับได้สูงสุด ISO 12,800

จากการทดสอบตามกระบวนการของเรา กล้อง EOS 600D ให้ผลลัพธ์ได้น่าประทับมาก ภาพถ่ายที่ได้จากกล้องมีจุดรบกวนต่ำมากและมีความคมชัดของภาพสูง ซึ่งจะมองเห็นจุดรบกวนได้ชัดเจนก็ภาพใช้ค่าความไวแสง ISO 1600 ขณะที่ค่าความละเอียดเส้นที่ความไวแสงต่ำสุดก็ทำได้ถึง 1,574 เส้น ส่วนที่ค่าความไวแสง ISO 3200 ก็มีค่าความละเอียดเส้นที่ดีอยู่ด้วยค่า 1,227 เส้น ดังนั้นภาพจึงไม่เพียงมีความคมชัดที่น่าพอใจ แต่ยังเก็บรายละเอียดภาพได้ดี ซึ่งเหนือกว่าคู่แข่งในกลุ่มราคาเดียวกันอย่างกล้อง Nikon D5100

เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นรวมถึงผู้เชี่ยวชาญ
การเรียนรู้การทำงานของกล้อง EOS 600D ถือว่าไม่ยากเลย เนื่องจากเมนูที่แสดงผลบนจอภาพนั้นถูกออกแบบให้ทำความเข้าใจได้ง่าย ขณะที่บนตัวกล้องก็มีปุ่มสั่งงานที่มีจำนวนเหมาะสมและยังสะดวกด้วยปุ่ม Scroll Wheel ส่วนน้ำหนักตัวกล้องไม่รวมเลนส์ก็หนักเพียง 570 กรัม แม้จะว่าเบากว่าและเล็กกว่ากล้อง EOS 60D แต่มันก็ทำการถ่ายภาพด้วยพลังงานแบตเตอรี่ได้ไม่เลวเลย โดยสามารถถ่ายภาพในโหมด Live View ได้ 360 ภาพ ขณะที่การถ่ายภาพปกติโดยไม่เปิดแฟลชสามารถทำได้ 1020 ภาพ และถ่ายวิดีโอต่อเนื่องได้นาน 100 นาที

สำหรับนักถ่ายภาพมือใหม่สามารถเรียกใช้ฟังก์ชันอัตโนมัติอย่าง “Intelligent Scene automatic” ได้ ซึ่งในโหมดนี้ทำให้ผู้ใช้สามารถบันทึกภาพได้อย่างคมชัดแม้ว่าจะเป็นการถ่ายวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหว และด้วยโหมด Creative Auto” ก็ทำให้สามารถถ่ายภาพที่มีระยะความลึกต่างกันมากๆ ได้โดยง่าย นอกจากนี้หลังจากบันทึกภาพแล้ว ยังสามารถปรับเอฟเฟ็กให้กับภาพได้อีก 5 แบบ อย่างเช่นใส่เอฟเฟ็กแบบ Fish eye และ Miniature

บทสรุปและความคิดเห็นของ CHIP
เรายังมองเห็นว่า Canon พัฒนากล้องระดับกลางอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นออกมาแล้วด้วยกล้อง EOS 600D ซึ่งเปี่ยมด้วยเทคโนโลยีที่ข่วยเหลือผู้ใช้และให้ผลลัพธ์ในเรื่องภาพที่ดีเยี่ยม โดยเฉพาะปริมาณจุดรบกวนและความละเอียดภาพนั้นน่าประทับใจจริง ขณะที่จอแสดงผลแบบหมุนได้ก็ส่งผลให้การใช้งานกล้องในการถ่ายวิดีโอหรือถ่ายภาพในมุมที่ผิดปกติทำได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ฟังก์ชันการถ่ายวิดีโอก็เป็นอะไรที่น่าสนใจมาก เพราะคุณภาพภาพวิดีโอที่ได้นั้นถือว่าดีที่สุดแล้วในกลุ่มกล้อง DSLR ระดับเดียวกัน แม้ว่าจะมีบางจุดที่ควรปรับปรุงอย่างเช่น ความเร็วในโฟกัสภาพในโหมด Live View หรือ การโฟกัสวัตถุขณะถ่ายทำวิดีโอ ซึ่งเราคาดหวังว่า น่าจะเห็นการปรับปรุงทั้งสองจุดนี้ในกล้องรุ่นต่อไป

Panasonic Lumix DMC-GH2



กล้อง Lumix DMC-GH2 ของพานาโซนิกได้รับการถ่ายทอดความสามารถในการบันทึกวิดีโอมาได้เป็นอย่างดี แม้ว่ามันจะมีข้อจำกัดในการบันทึกวิดีโอระดับ Full HD ต่อเนื่องที่ทำได้นานเพียง 23 นาที แต่มันก็มีความเหมาะสมหลายๆ อย่างที่จะนำไปใช้เป็นเครื่องมือผลิตภาพยนตร์คุณภาพสูง ตัวอย่างเช่น ระบบโฟกัสอัตโนมัติที่เงียบมาก หรือการตั้งค่าการบันทึกของไมโครโฟน



นอก จากนั้นในการบันทึกภาพยังสามารถมองภาพจากทีวีได้ด้วยการเชื่อมต่อเข้ากับ พอร์ต HDMI ของกล้อง ซึ่งทำให้คุณสามารถสนุกสนานไปกับความสดใสและสีสันที่จัดจ้านของภาพบนทีวีได้ ด้วย เซนเซอร์ Live-MOS ที่พัฒนาขึ้นโดยพานาโซนิกเองช่วยยกระดับคุณภาพภาพให้สูงขึ้นกว่ากล้อง Micro 4/3 ที่ผ่านๆ มา ซึ่งเห็นได้จากการที่กล้องมีปริมาณจุดรบกวนน้อยกว่ากล้องในระดับเดียวกัน อย่างเช่น ที่ค่าความไวแสง ISO 1600 เราสามารถวัดค่าจุดรบกวนได้ 1.4 ขณะที่กล้องส่วนใหญ่จะมีค่าอยู่ที่ 2.0 หรือมากกว่า นอกจากจุดรบกวนแล้วกล้อง Lumix DMC-GH2 ยังเก็บรายละเอียดภาพได้คมชัด ไม่เว้นแม้กระทั่งบริเวณขอบภาพ หรือแม้กระทั่งสีสันภาพก็ถือว่ายอดเยี่ยม




จอแสดงผลความละเอียด 460,000 พิกเซลสามารถทำการหมุนพับได้สะดวกมากและแสดงภาพได้คมชัด พร้อมทั้งเสริมความง่ายในการควบคุมด้วยระบบสัมผัสบนจอภาพและบนตัวตัวกล้องนอกจากจะมีปุ่มควบคุมต่างๆ ที่เอื้ออำนวยต่อการตั้งค่าแล้ว ยังมีปุ่มตั้งค่าอิสระให้ใช้งานได้อีก 3 ปุ่มด้วยกัน




อย่างไรก็ดี ความเร็วของกล้องถือเป็นอีกหนึ่งจุดอ่อนนอกเหนือจากการใช้พลังงาน เพราะกล้องสามารถถ่ายภาพต่อเนื่องไปได้ด้วยความเร็วสูงสุด 2.5 ภาพต่อวินาที ซึ่งค่อนข้างแย่เมื่อเปรียบเทียบกับกล้อง DSLR ในราคาเดียวกัน ส่วนอีกหนึ่งจุดอ่อนในเรื่องการใช้พลังงานที่กล่าวไปแล้วนั้น เกิดจากการที่กล้องใช้พลังงานค่อนข้างมาก แม้จะใช้แบตเตอรี่ที่จ่ายพลังงานได้สูงถึง 8.7Wh แต่กลับสามารถบันทึกภาพไปได้สูงสุด 520 ภาพต่อแบตเตอรี่ 1 ชุด และถ้าหากเปิดใช้งานแฟลชร่วมด้วยก็จะถ่ายภาพได้เพียง 250 ภาพเท่านั้น

บทสรุป

ให้ภาพถ่ายและวิดีโอที่มีคุณภาพสูง ได้รับการออกแบบระบบควบคุมกล้องที่ใช้งานได้ง่าย น่าเสียดายที่มาตายในเรื่องการทำงานร่วมกับแบตเตอรี่

ทางเลือกอื่น
เปรียเทียบกับกล้อง Canon EOS 60D ก็โดดเด่นในเรื่องคุณภาพภาพ รวมทั้งมีฟังก์ชันในการบันทึกวิดีโอที่น่าประทับใจเช่นกัน และยังถ่ายภาพต่อเนื่องได้เร็วกว่า

Wednesday, May 25, 2011

Canon EOS 1100D สีแดงสุดจี๊ด


ถ้าพูดถึงกล้อง DSLR ในราคาประหยัดที่สุด เราจะนึกถึงกล้องอย่าง Canon EOS 1000D กันเป็นตัวแรกๆ เลย เพราะว่ากล้องตัวนี้มีราคาที่ค่อนข้างถูก คุ้มค่า เมื่อเทียบกับสิ่งที่ตัวกล้องทำได้ และในที่สุดการต่อยอดกล้อง DSLR ระดับเริ่มต้นก็กลับมาอีกครั้ง กับกล้อง Canon EOS 1100D ซึ่งเป็นตัวล่าสุดมาแทนที่นั่นเอง และเพิ่มความสามารถต่างๆ เข้าไปจนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นกล้องของผู้ที่อยากเริ่มต้นกับ DSLR อย่างแท้จริง

รายละเอียดทางเทคนิคของกล้อง Canon EOS 1100D

- ตัวกล้องมาพร้อมเซนเซอร์ขนาด APS-C ให้ความละเอียดภาพที่ 12 ล้านพิกเซล
- จุดโฟกัสแบบออโต้โฟกัส 9 จุด พัฒนาจากตัว 1000D ที่มีแค่ 7 จุดเท่านั้น
- หน้าจอ LCD ที่กว้างขึ้นเป็น 2.7 นิ้ว และให้ความละเอียดที่ 230,000 พิกเซล
- ใช้ระบบวัดแสงเดียวกันกับกล้อง EOS 7D นั่นคือ 63-area iFCL color-sensitive metering
- ความไวแสงหรือ ISO ปรับได้ตั้งแต่ 100-6400
- สามารถถ่ายวิดีโอได้แล้วที่ความละเอียด 720p ที่ความเร็ว 30 หรือ 25 เฟรมต่อวินาที บีบอัดในรูปแบบ H.264
- มีฟังก์ชัน Basic+ ทำให้คุณปรับแต่งค่า White Balance และโทนสีได้ในโหมดการถ่ายภาพแบบสำเร็จรูป
- รองรับ Eye-Fi wireless SD card




การจับถือ

บอดี้กล้องตัว EOS 1100D ที่นำมาทดสอบครั้งนี้ผมได้บอดี้มาเป็นสีแดง มันอาจจะไม่ใช่ครั้งแรกในวงการกล้อง DSLR ที่มีบอดี้เป็นสีสันอื่นที่ไม่ใช่สีดำ แต่มันเป็นจุดเริ่มต้นบ่งบอกถึงความเป็นอินดี้ และบ่งบอกสไตล์การใช้งานกล้องของคุณได้ดีทีเดียว กับการเลือกสีของบอดี้กล้องมาใช้งาน ตัวบอดี้ 1100D นั้นใหญ่กว่า 1000D นิดหน่อย และกล้องตัวนี้มีการออกแบบบอดี้โดยคำนึงถึงเรื่องของความประหยัด และน้ำหนักเบา ฉะนั้นบอดี้ของตัวกล้องจึงเป็นพลาสติกเรียบๆ การจับถือต้องบอกว่าทำออกมาได้ดีกว่ารุ่น 1000D โดยเฉพาะการจัดเรียงปุ่มที่นำไปอยู่ทางด้านขวาของตัวกล้องทั้งหมด ทำให้คุณคอนโทรลกล้องได้ง่ายมากขึ้น ปุ่มที่มีเพิ่มเข้ามาในกล้อง 1100D คือ ปุ่ม Q-menu และปุ่ม Live view นั่นเอง นอกจากนี้ปุ่มยกแฟลชป๊อปอัพก็ถูกย้ายไปอยู่ทางด้านบนของตัวกล้องใกล้ๆ กับวงแหวนในตำแหน่งนิ้วชี้ขวา ถ้าเป็นคนเคยใช้กล้องแคนนอน อาจจะไม่คุ้นเคยนัก แต่ถ้าใช้ไปเรื่อยๆ จะรู้สึกว่ามันสะดวกดี

สำหรับ EOS 1100D ตัวนี้ขายพร้อมกับเลนส์คิทตัวใหม่นั่นคือ EF-S 18-55mm F3.5-5.6 IS II ซึ่งเป็นเลนส์คิทที่มีระบบ IS และปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเวอร์ชั่นแรกขึ้นมาอีกนิด ช่องมองภาพของกล้อง EOS 1100D ยังคงเล็กและแสดงภาพแค่ 95 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น





ตัวกล้องใช้ แบตเตอรี่ลิเธียมรุ่น LP-E10 ซึ่งเขาเคลมไว้ว่าถ่ายภาพได้ถึง 700 ช้อตต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง แต่เมื่อใช้งานจริงจะถ่ายภาพได้ที่ 500 ช้อต ซึ่งก็ถือว่าโอเคแล้วเพราะคุณต้องใช้ฟังค์ชั่นอื่นๆ เช่นอาจเปิด Live view หรือ รีวิวภาพดู และการปรับตัวกล้องอีก สำหรับช่องใส่การ์ดบันทึกแบบ SD Card นั้นได้ถูกย้ายมาไว้ที่เดียวกันกับช่องใส่แบตเตอรี่เพื่อประหยัดพื้นที่ไป ได้อีกแต่มันอาจจะมีผลบ้างเมื่อคุณต้องกล้องกับขาตั้งกล้อง เพราะคุณจะไม่สามารถเปลี่ยนการ์ดได้ นอกจากจะถอดกล้องออกจากขาตั้งซะก่อน

Quick Tip ที่ช่วยคุณถ่ายภาพได้ง่าย

ใน EOS 1100D ได้เพิ่มฟังก์ชั่นที่อธิบายเกี่ยวกับการใช้งานในโหมดการถ่ายภาพต่างๆ มาให้คุณด้วย ทำให้คุณเข้าใจในการใช้งานโหมดถ่ายภาพที่แตกต่างกันได้แบบไม่ยาก เมื่อคุณหมุนวงแหวนไปในตำแหน่งโหมดถ่ายภาพใดก็ตาม ตัวกล้องจะมีคำอธิบายขึ้นมาให้เราได้ทราบว่า โหมดการถ่ายภาพนี้ช่วยอะไรคุณได้บ้าง เหมือนกับเป็นคู่มือกล้องฉบับย่อ ซึ่งเหมาะมากๆ สำหรับคุณที่ต้องการซื้อกล้องแล้วเดินออกไปถ่ายภาพได้เลย ไม่ต้องอ่านคู่มือกันว่าง่ายๆ และภาษาในตัวกล้องก็สามารถเลือกได้หลายภาษา และแน่นอนมีภาษาไทยด้วย จึงทำให้คุณง่ายและคุ้นเคยกับการใช้งานกล้องได้อย่างรวดเร็ว (แต่ถึงอย่างไรผมก็ยังอยากให้คุณอ่านคู่มืออยู่ดี)






ในโหมด CA หรือ Creative Auto คุณสามารถเลือกปรับช่องรับแสงแบบง่ายๆ แบบไม่จำเป็นต้องรู้ลึกถึงเทคนิคมากนัก เพราะกล้องจะอธิบายและให้เราปรับค่าแบบง่ายๆ เช่น ปรับไปทางไหนถึงจะทำให้ฉากหลังเบลอมากหรือน้อย นอกจากนี้การมีฟังก์ชั่น Basic+ ที่คุณจะปรับตั้งค่าเพิ่มเติมได้อีกในโหมดการถ่ายภาพสำเร็จรูป โดยคุณสามารถปรับเรื่องของโทนสี และค่า White Balance แบบง่ายๆ ได้อีก โดยการกดปุ่ม Q ที่อยู่บนตัวกล้อง

มี Live view และถ่ายวิดีโอได้แล้ว
อย่าง ที่บอกไปตัวนี้จุดเด่นคือ การถ่ายวิดีโอในกล้องระดับราคาประหยัด กับความละเอียดที่ 720p เท่าที่ลองทดสอบถ่ายวิดีโอกับเลนส์คิท EF-S 18-55mm F3.5-5.6 IS II การออโต้โฟกัสอาจจะช้าอยู่บ้าง ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพแสงและพื้นผิวของวัตถุ การคอนโทรลในการถ่ายวิดีโอยังมีข้อจำกัดในเรื่องของการโฟกัส คือหากคุณกำลังบันทึกภาพอยู่คุณจะไม่สามารถออโต้โฟกัสได้ นอกจากว่าจะเปลี่ยนระบบโฟกัสเป็นแมนวลแทน แต่ผมก็ถือว่าภาพที่ได้จากวิดีโอของกล้องตัวนี้ทำออกมาได้ตามมาตรฐาน และ ยังมีระบบติดแท็กภาพ และให้คะแนนเป็นดาวเหมือนกับกล้อง 60D ฟังค์ชั่นนี้จะช่วยคัดกรองภาพที่มีอยู่มากมายที่คุณถ่ายภาพมาให้ค้นหาได้ ง่ายมากขึ้น





ภาพ นี้ถ่ายด้วยโหมด M สปีดชัตเตอร์ที่ 1/200 วินาที ช่องรับแสง f5.6 ความไวแสง 200 ชดเชยแสง -5 ที่ช่วงเลนส์ 55 มิลลิเมตร จากเลนส์คิท EF-S 18-55mm F3.5-5.6 IS II

ภาพดอกไม้ ที่ให้สีสันสดใส ด้วยการปรับใช้โหมดถ่ายภาพระยะใกล้ เลือกปรับการใช้ค่าแสงและสีได้อีกตามต้องการทำให้ได้สีสดในโหมดการถ่ายภาพ แบบสำเร็จรูป

จากการทดสอบ
ผมได้ลองเดินถ่ายภาพใน เมืองดู ต้องบอกว่า EOS 1100D พร้อมเลนส์คิททำให้ผมสะพายกล้องได้ทั้งวัน และไม่รู้ว่าที่บอดี้เป็นสีแดงหรือเปล่า ดูเหมือนจะเป็นจุดให้คนรอบๆ มองมายังกล้องตัวนี้ น้ำหนักเบาพกสบายๆ ถ่ายภาพในเมือง สำหรับคุณภาพของภาพที่ได้ต้องบอกว่าตัวประมวลผล Digic4 ยังทำงานได้อย่างดี การใช้ ISO สูงๆ ก็ไม่ทำให้ภาพด้อยคุณภาพลงไปมากนัก และ Noise ค่อนข้างน้อย ระบบวัดแสงแบบใหม่ช่วยให้การวัดแสงแม่นยำสูงมาก รวมถึงออโต้โฟกัสก็ทำงานได้แม่นยำ ฟังค์ชั่น Basic+ ทำให้ผมที่ไม่เคยสนใจโหมดถ่ายภาพสำเร็จรูป กลับหันมาสนใจและทำให้ถ่ายภาพสนุกมากขึ้น เหมือนกับคุณได้ขับรถเกียร์ออโต้แต่สามารถปรับคลิกโอเวอร์ไดรฟ์ได้ประมาณ นั้นเลยครับ

อินเทอร์เฟสของตัวกล้องเข้าใจได้ง่าย ภาษาไทยที่แปลให้ก็เข้าใจได้ง่าย แบตเตอรี่อึดพอควร ชาร์จหนึ่งครั้งถ่ายภาพได้ทั้งวัน ทั้งถ่ายวิดีโอ ใช้แฟลช และรีวิวส์ภาพ ซอฟต์แวร์ที่ให้มาก็ถือว่าจัดการงานภาพได้ดี และที่สำคัญราคาถูกมากกับคุณภาพระดับนี้ ในจุดที่เป็นข้อด้อยก็คือ บอดี้พลาสติกที่อาจดูไม่ค่อยแข็งแกร่งนักและไม่มีกริ๊ปยาง แต่ยังดีที่ตัวกล้องเบา เลยจับถือได้ง่าย ในส่วนการถ่ายวิดีโอที่ยังปรับอะไรไม่ได้มาก ซึ่งคุณสามารถถ่ายวิดีโอได้แค่ความละเอียดเดียวคือ 720p เมื่อเปิดโหมด Live view การออโต้โฟกัสทำงานช้าไปนิด

ผมค่อนข้างพอใจในเรื่องของ คุณภาพ ภาพที่ได้จากกล้องตัวนี้และเลนส์คิท ถึงแม้ว่าเมื่อเราใช้ f ที่ 5.6 ที่มุมภาพอาจมีขอบเบลอไปบ้าง แต่ถ้าปรับมาใช้ช่องรับแสงที่ f8 แล้วภาพที่ออกมาคมใช้ได้ดีเช่นกัน ตัวกล้องถ่ายทอดสีสันออกมาได้ดี หากคุณเป็นมือใหม่ที่มองหากล้องถ่ายภาพแบบ DSLR บอกได้เลยว่า Canon EOS 1100D เหมาะกับคุณมาก ตัวกล้องมีสีให้เลือกถึงสี่สีด้วยกันคือ สีเงิน สีดำ สีน้ำตาล และที่จี๊ดที่สุดคือสีแดง

ขอบคุณบอกอเชิดศักดิ์ วุฒิพงศ์ไพโรจน์ (บอกอเค)

Olympus PEN E-PL1 12.3MP Live MOS Micro Four Thirds Interchangeable Lens Digital Camera with 14-42mm f/3.5-5.6 Zuiko Digital Zoom Lens (Black)


--------------------------------------------------------------------------------

Technical Details
Color: Black
12.3-megapixel interchangeable lens digital camera; Micro Four Thirds format
Includes 14-42mm f/3.5-5.6 digital zoom lens; features built-in flash
2.7-inch HyperCrystal LCD with Live View function; Continuous Autofocus (C-AF) tracking system
Capture HD video with high-quality audio; new "Direct Button" for easy recording
New Live Guide interface simplifies great photography; capture images to SD/SDHC cards (not included)

Product Description: Olympus PEN E-PL1 Black SLR Camera Kit W/14-42mm Lens
.The Olympus PEN E-PL1 is truly greater than the sum of its parts. This surprisingly small camera body is packed with technology normally found in bigger, bulkier cameras and High Definition (HD) camcorders..
User Reviews: Olympus PEN E-PL1 Black SLR Camera Kit W/14-42mm Lens
.Overall:

Value:

Support:

Quality:

Shutter Lag:

Ease of Use:

Image Quality:

Features:

GREAT mid-sized camera!
By nancy Jul 27, 2010 | 6 out of 6 found this Olympus PEN E-PL1 Black SLR Camera Kit W/14-42mm Lens review helpful

Pros: Great photo quality, great video, great battery life.

Cons: Not for a novice! Need some photography know-how.

We finally dragged ourselves into the 21st century and purchased this digital camera (been using a 35 year old Cannon AE-1). It is fantastic. We are able to do everything that we did with the 35mm, and more (like take HD video). And if we don't w...ant to make the adjustments by hand, there are semi-automatic and automatic settings. This camera is not for a novice! But, for someone with photography knowledg, it's really fun to use!
Overall:

Value:

Support:

Quality:

Shutter Lag:

Ease of Use:

Image Quality:

Features:

re review
By Yahoo! Shopping User Aug 31, 2010 | 3 out of 3 found this Olympus PEN E-PL1 Black SLR Camera Kit W/14-42mm Lens review helpful

Pros: alternative to SLR

Cons: would like a viewfinder

Pros: lens are interchangeable, display screen is large, button interface is great, the camera has good grip. besides it comes from a very great brand.This camera is not a Single Lens Reflex (SLR) camera. I have worked with many SLR's, and this i...s not one. The lens can be change out. The shutter speed is selectable, and picture quality is good. My sister's owns a Panasonic radioCons:

Canon EOS Rebel T3i Black SLR Digital Camera Kit W/18-55mm Lens


Product Description: Canon EOS Rebel T3i Black SLR Digital Camera Kit W/18-55mm Lens
.Create your masterpiece with EOS Rebel T3i 18-55mm IS II Digital SLR Camera Kit from Canon. This camera features DIGIC 4 Image Processor along with 18.0 Megapixel CMOS Image Sensor for peak image quality and speed. Additionally, the camera features EOS full HD Movie mode with manual exposure control, with focus and Live View features that even allows for in-camera...
Create your masterpiece with EOS Rebel T3i 18-55mm IS II Digital SLR Camera Kit from Canon. This camera features DIGIC 4 Image Processor along with 18.0 Megapixel CMOS Image Sensor for peak image quality and speed. Additionally, the camera features EOS full HD Movie mode with manual exposure control, with focus and Live View features that even allows for in-camera editing. Its features like Auto Lighting Optimizer, Dual-layer sensor and Highlight Tone with Vari-angle and wide 3.0-inch LCD monitor ensure brilliant photos and movies, easily. Furthermore, its comes with EF-S 18-55 mm IS Lens, Wide Strap and AC cable to ensures complete joy and comfort for your dream click

Product Specification: Canon EOS Rebel T3i Black SLR Digital Camera Kit W/18-55mm Lens.

Product Features
18.0 MP CMOS sensor and DIGIC 4 Image Processor for high image quality and speed.
ISO 100 - 6400 for shooting from bright to dim light.
Improved EOS Full HD Movie mode with manual exposure control, expanded recording with new Movie Digital zoom
Vari-angle 3.0-inch Clear View LCD monitor (3:2) for shooting at high or low angles and 1,040,000-dot VGA with reflection reduction
New Scene Intelligent Auto mode and Picture Style Auto incorporating the new EOS Scene Detection System
3.0-inch Vari-Angle Clear View LCD; Built-in flash; Full HD movie mode at 1920 x 1080 resolution
And Video Snapshot features for enhanced video shooting options.
Compatible with full line of Canon EF and EF-S lenses
DIGIC 4 Image Processor; Scene Intelligent Auto mode and Picture Style Auto incorporate EOS Scene Detection System; Advanced imaging features: Basic+ function, Multi-Aspect function and Creative Filters
Includes EOS Rebel T3i digital SLR camera and EF-S 18-55mm f/3.5-5.6 IS Type II Lens; 18.0 megapixel CMOS sensor; Eye-level SLR viewfinder
USB 2.0 terminal; Video out terminal: NTSC/PAL selectable; SD/SDHC/SDXC memory card slot (card not included)

Technical Details
Brand Name: Canon
Model: REBEL T3i Kit
Optical Sensor Resolution: 18 MP
Optical Sensor Technology: CMOS
Optical zoom: 3 x
Maximum Aperture Range: F/3.5-5.6
Minimum focal length: 18 millimeters
Maximum focal length: 55 millimeters
Lens Type: Zoom lens
Optical Sensor Size: 14.9 x 22.3mm
Included Flash Type: Pop-up flash
Display Size: 3.0
Light Sensitivity: ISO 12800, ISO 100-6400, ISO auto (100-6400)
Image types: JPEG, RAW
Exposure Control Type: Landscape, Portrait mode, Action, Close-up, Night scene
Viewfinder Type: Optical
Width: 5.2 inches
Depth: 3.1 inches
Height: 3.9 inches
Weight: 4.0 pounds

.

Sunday, May 22, 2011

Canon EOS Rebel T2i Digital SLR Camera (Body Only)




Technical Details
18.0-megapixel CMOS (APS-C) sensor; DIGIC 4 Image Processor for high image quality and speed
Body only; lenses sold separately
ISO 100-6400 (expandable to 12800) for shooting from bright to dim light; enhanced 63-zone, Dual-layer metering system
Improved EOS Movie mode with manual exposure control and expanded recording 1920 x 1080 (Full HD)
Wide 3.0-inch Clear View LCD monitor; dedicated Live View/Movie shooting button
New compatibility with SDXC memory cards, plus new menu status indicator for Eye-Fi support
roduct Description
From the Manufacturer
The new flagship of the EOS Rebel line, Canon EOS Rebel T2i brings professional EOS features into an easy to use, lightweight digital SLR that's a joy to use. Featuring a class-leading 18.0-megapixel CMOS image sensor and increased light sensitivity for low light photography, the EOS Rebel T2i also has an advanced HD Movie mode for gorgeous Full HD movies. Able to capture up to 3.7 frames per second, it's ready to go the minute it's picked up. Advanced Live View, a new wide-area screen, plus features like Canon's brilliant Auto Lighting Optimizer and Highlight Tone features ensure brilliant photos and movies, easily. With some of the most advanced features of any digital SLR, it's simply the best Rebel Canon has ever created.

EOS Rebel T2i Highlights

18.0-megapixel CMOS (APS-C) sensor and DIGIC 4 Image Processor
The EOS Rebel T2i has an 18.0-megapixel CMOS sensor that captures images with exceptional clarity and tonal range and offers more than enough resolution for big enlargements or crops. This first-class sensor features many of the same new technologies as used by professional Canon cameras to maximize each pixel's light-gathering efficiency. Its APS-C size sensor creates an effective 1.6x field of view (compared to 35mm format).




Capture your story in stunning detail with the EOS 550D. With the creative freedom to capture the decisive shot, see all the detail of your holiday sunset or follow action in the local football match.
By Jeff Keller - Apr 16, 2010 - Editorial review - DCResource.com
Pros: Very good photo quality; Excellent high ISO performance, especially considering the 18 Megapixel resolution of the camera; Compact, well-designed body; Ultra-high resolution 3-inch LCD with 3:2 aspect ratio; Fast startup, focus, shot-to-shot times; Full manual controls, with support for RAW image format; Full HD movie recording with full manual controls and several resolutions/frame rates to choose from; Auto Lighting Optimizer brightens shadows -- highlight tone priority improves highlight detail; Remote capture software included, supports live view and movie recording; Optional battery grip (that supports AA batteries, too);
HDMI and external microphone portsCons: JPEGs are soft at default settings -- good lenses needed for best results; Redeye a problem -- no way to remove it in playback mode; Small right hand grip not for everyone; Outdoor LCD visibility could be better;
Sluggish contrast detect autofocus in live view; Continuous shooting mode could be better; Very basic playback mode; Wireless flash control would've been niceThis 18 Megapixel camera features excellent photo quality (even at high ISOs), a compact, well-designed body, a gorgeous 3-inch LCD display, snappy performance, and a Full HD movie mode. There aren't many downsides: Images are on the soft side, especially if you're using an inexpensive lens. Redeye is a problem, and there's no tool to remove it in playback mode. The continuous shooting mode could be better and, like other D-SLRs

By Shawn Barnett and Mike Tomkins - Jul 2, 2010 - Editorial review - Imaging-Resource.com
Pros: Excellent 18 megapixel sensor with impressively low noise and superb detail
Very good high ISO performance, especially for 18-megapixel subframe sensor
Live View mode works very well
Live View mode offers a choice between phase-detect, contrast-detect modes, plus Face detect mode
Zoom in five or ten times with Live View
Image-stabilized kit lens is pretty good optically, although sensor resolution about reaches the limits of its ability
Full HD (1920x1080) movies at 30/25/24p, 60/50p at 1280x720 and 640x480
Movie mode has full manual control, allows capture of up to 12 minutes of video per clip in HD, 24 minutes in SD
Single AF is possible during movie recording
HDMI output for direct playback on HDTVs
Small size is great for travel and all-day carry