หน้าเว็บ

กล้องดิจิตอล

Monday, April 23, 2012

ใช้แฟลชอย่างไรให้เหมือนโปรฯ ตอน 4 ระบบ Multi Flash

ไม่ว่าจะเป็นแสงจากด้านข้างหรือด้านหลัง แฟลชเสริมภายนอกแค่เพียง 2-3 ตัวก็จะทำให้คุณสามารถเลือกวิธีการให้แสงภายในห้องเล็กๆ ได้หลากหลาย

การให้แสงแบบมืออาชีพโดยไม่ต้องใช้ชุดไฟสตูดิโอสามารถทำได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่มี External Flash อยู่หลายๆตัวก็สามารถทำได้อย่างไม่มีปัญหาซึ่งนักถ่ายภาพนิตยสารโดยมากมักจะใช้ระบบนี้ในการถ่ายภาพ แค่ใช้ External Flash เพียง 2-3 ตัวร่วมกับฉากหลังที่เป็นพื้นสีเดียว และแผ่นรีเฟลกอีกหน่อยก็สามารถที่จะสร้างเป็นสตูดิโอถ่ายภาพขนาดย่อมๆได้แล้ว

1. ให้แสงด้วยแฟลชหลายๆตัว
ถ้าใช้แฟลชที่แยกออกจากตัวกล้องได้ ก็จะยิ่งทำให้สามารถเลือกวางตำแหน่งของมันได้ตามพอใจ โดยไม่ติดอยู่กับตำแหน่งของกล้องอีก การควบคุมแฟลชแต่ละตัวจะทำโดยผ่านสายเคเบิลหรือเชื่อมต่อแบบไร้สาย (Infrared) ซึ่งในแบบแรกนั้นจะทำได้ง่ายมาก เพียงแค่ใช้สายเคเบิลแบบพิเศษในการเชื่อมต่อกันระหว่างกล้องกับแฟลชเท่านั้น ข้อดีของมันก็คือแฟลชทั้งหมดจะเริ่มทำงานอย่างสัมพันธ์กันทำให้การควบคุมแฟลชแบบ TTL สามารถทำงานได้อย่างไม่มีปัญหา

2. ใช้แฟลชแบบไร้สาย
วิธีการให้แสงแบบที่สะดวกที่สุดและไร้สายคือระบบ Slave และ Master โดยแฟลชแต่ละตัวจะมีเซ็นเซอร์สำหรับการควบคุม TTL แบบไร้สายติดตั้งเอาไว้ ตัวแฟลช Master (เครื่องหลัก) จะทำการวัดกำหนดค่าความแรงของแฟลชแต่ละตัวด้วยแสงอินฟราเรด และทำการควบคุมแฟลชอื่นๆเหล่านั้นให้ทำงานได้สัมพันธ์กัน

เพื่อให้การให้แสงเป็นไปอย่างถูกต้องแฟลชทุกตัวจะต้องเริ่มทำงานอย่างสัมพันธ์กัน ถ้าการทำงานระหว่างแฟลช Master และ Slave ไม่ดีพอก็จะเกิดข้อผิดพลาดในการให้แสงได้ แฟลช Slave บางตัวจะเริ่มทำงานตั้งแต่ขั้นตอนของการวัดแสง ทำให้ภาพที่ได้ออกมามีแสงอันเดอร์อีก สิ่งที่คุณจะต้องระวังคือต้องปิดระบบแก้ตาแดงของกล้องคุณด้วย เพราะระบบ Pre Flash ก็จะทำให้ Slave Flash บางรุ่นเริ่มทำงานได้ด้วยเช่นกัน
สำหรับการใช้งาน Infrared Shutter นั้นจะไม่ได้ทำการวัดแสงแต่อย่างใด แต่จะเป็นตัวสั่งให้แฟลชทำงานเท่านั้น ผู้ใช้ต้องปรับความแรงของแฟลชแต่ละตัวด้วยตนเอง หรืออาจจะใช้ TTL Photo Cell แบบพิเศษหรือ Slave Adapter สำหรับช่วยให้สามารถควบคุมแฟลชแบบ TTL ได้

3. มีแค่แฟลช 2 ตัวก็เพียงพอ
ในการให้แสงที่สวยงามนั้นคุณจำเป็นที่จะต้องจัดวางแสงหลักเสียก่อน จากนั้นจึงจะมาดูว่าต้องใช้แสงเสริมอีกกี่ตำแหน่งจากที่ใดบ้าง โดยมากแล้วไม่จำเป็นต้องใช้แหล่งกำเนิดแสงมากเกินไปกว่า 2-3 จุด

แทนที่จะใช้การ Fill Flash คุณอาจจะหันใช้แฟลชรีเฟลกแทนก็ได้ มันจะช่วยลดเงามืดในภาพลงได้หรือแสง Pointed Light จากด้านหลังตรงศีรษะจะทำให้ผมดูเป็นเงางามช่วยเพิ่มแสงสะท้อนที่มีชีวิตชีวาให้กับภาพ หรือแสงจากด้านข้างจะช่วยให้ใบหน้าดูคมเด่นขึ้น มันจะทำให้เกิดเงาที่เน้นจุดเด่นบนใบหน้าให้โดดเด่นยิ่งขึ้น


1.Pointed Light


แหล่งกำเนิดแสงจากด้านหลังช่วยทำให้ผมเป็นประกายเงางามแต่แสงจะต้องไม่แรงจนเกินไป ไม่เช่นนั้นจะทำให้รูปทรงของแบบเสียไปได้ พื้นฉากสีขาวด้านหลังจะไม่ได้รับแสงอะไร ทำให้ดูเป็นสีเทาอ่อนๆและ Diffuser ช่วยทำให้แสงหลักดูอ่อนโยนขึ้น


2.แผ่นรีเฟลก

แผ่นโฟมสีขาวจะช่วยทำให้เงาที่เกิดจากแสงที่ส่งไปยังใบหน้าสว่างขึ้นได้และความเข้มของแสงจะเปลี่ยนไปตามมุมในการวางแผ่นโฟมนั้น

3.Pliers Light
แสงแบบ Pliers Light นี้มักจะใช้ในการถ่ายภาพสินค้า (Reproduction) แต่ก็สามารถนำมาประยุกต์ในการถ่ายภาพ Portrait ที่น่าสนใจได้ด้วยเช่นกัน

4.Shade
แผ่นดูดแสงสีดำ หรือที่เรียกกันว่า Neger นั้นจะทำหน้าที่ตรงกันข้ามกับแผ่นรีเฟลกโดยจะทำการดูดซับแสงทางซีกซ้ายของใบหน้าของแบบไปทำให้เกิดมิติระหว่างใบหน้าซ้ายและขวาของตัวแบบ

No comments:

Post a Comment